แผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
กรณีที่ 1 พบผู้เรียนติดเชื้อในสถานศึกษา ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. คัดกรอง วัดไข้ สังเกตอาการ ผู้เรียนทุกคนก่อนเข้าสถานศึกษา
2. เมื่อพบกลุ่มเสี่ยง แยกกลุ่มเสี่ยงจากกลุ่มผู้เรียน ผู้สอน
3. จัดให้มีการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นโดยวิธีการที่เหมาะสม และมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ ๆ หากการตรวจ
มีผลเป็นบวก ให้สถานศึกษาจัดให้ผู้เรียนได้ตรวจ Real-time PCR โดยร่วมมือจัดการผู้ติดเชื้อ ได้แก่ การเคลื่อนย้าย
ผู้ติดเชื้อตามมาตรฐานควบคุม และมาตรการของจังหวัด
4. สถานศึกษาประสานแจ้งผู้ปกครอง
5. หากตรวจ Real-time PCR แล้วได้ผลเป็นบวก กรณีที่ผู้เรียนไม่สามารถจัดหาสถานพยาบาลรักษาได้ให้สถานศึกษาประสานจัดหาให้ผู้เรียนได้เข้ารับการรักษา
6. ร่วมมือจัดการสอบสวนโรคและการจัดการกลุ่มสัมผัสในสถานศึกษา
1) ผู้สัมผัสกลุ่ม High risk ให้ดำเนินการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นโดย Antigen Test Kit (ATK)
2) ผู้สัมผัสกลุ่ม Low risk ไม่ต้องเก็บตัวอย่าง แต่ให้แยกตัวอยู่ที่บ้าน และรายงานอาการ (Self-report) ทุกวัน หากพบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUL ให้ดำเนินการแบบผู้ป่วย PUL
7. สถานศึกษาปิดเพื่อทำความสะอาดเป็นระยะเวลา 3 วัน (ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ โรงฝึกงาน อาคารเรียน โรงอาหาร โรงนอน พื้นที่ส่วนกลาง)
8. สถานศึกษาจัดให้ผู้เรียนที่ติดเชื้อได้เรียนโดยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การเรียนแบบออนไลน์
(On-line) การเรียนรู้เพิ่มเติมตามความต้องการของผู้เรียน การศึกษาจากแบบเรียน ใบความรู้ หรือการทำ
ใบกิจกรรม ใบงาน และการบ้านที่ครูมอบหมายให้ผู้เรียนเข้าถึงการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครูที่ปรึกษาเป็นผู้ประสาน ติดตาม และรายงานการเรียนให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาทราบ
9. หากผู้เรียนหายจากการติดเชื้อ ให้มีการกักตัวอีก 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
โดยสถานศึกษาประสานติดตามผู้เรียนตลอดช่วงเวลาการกักตัว หากครบตามระยะเวลาที่กำหนดไม่พบมีการ
ติดเชื้อให้ผู้เรียนกลับเข้าเรียนในสถานศึกษาตามปกติ
10. การประเมินความเสี่ยง (TST) จำแนกตามเขตพื้นที่แพร่ระบาด
(1) 1 วัน ต่อสัปดาห์ พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง)
(2) 2 วัน ต่อสัปดาห์ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
(3) 3 วัน ต่อสัปดาห์ พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)
(4) ทุกวัน พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)
กรณีที่ 2 พบผู้เรียนติดเชื้อเมื่อการฝึกอาชีพ/การฝึกประสบการณ์สมรถนะวิชาชีพในสถานประกอบการ ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. สถานประกอบการคัดกรอง วัดไข้ สังเกตอาการ ทุกคนก่อนเข้าสถานประกอบการ
2. เมื่อพบกลุ่มเสี่ยง แยกกลุ่มเสี่ยงจากกลุ่มผู้ร่วมฝึกอาชีพ
3. สถานประกอบการประสานแจ้งสถานศึกษา สถานศึกษาดำเนินการแจ้งผู้ปกครอง
4. สถานศึกษาจัดให้มีการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นโดยวิธีการที่เหมาะสม และมีการสุ่มตรวจเป็นระยะ ๆ หากการตรวจมีผลเป็นบวกให้สถานศึกษาจัดหาให้ผู้เรียนได้ตรวจ Real-time PCR โดยร่วมมือจัดการผู้ติดเชื้อ ได้แก่ การเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อตามมาตรฐานควบคุม และมาตรการจังหวัด
5. หากตรวจ Real-time PCR แล้วได้ผลเป็นบวก กรณีที่ผู้เรียนไม่สามารถจัดหาสถานพยาบาลรักษาได้ให้สถานศึกษาประสานจัดหาให้ผู้เรียนได้เข้ารับการรักษา
6. หากผู้เรียนหรือผู้ปกครอง มีความประสงค์กลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา ให้ดำเนินการกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
7. ร่วมมือจัดการสอบสวนโรคและการจัดการกลุ่มสัมผัสในสถานประกอบการ
1) ผู้สัมผัสกลุ่ม High risk ให้ดำเนินการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นโดย Antigen Test Kit (ATK)
2) ผู้สัมผัสกลุ่ม Low risk ไม่ต้องเก็บตัวอย่าง แต่ให้แยกตัวอยู่ที่บ้าน และรายงานอาการ (Self-report)
ทุกวัน หากพบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUL ให้ดำเนินการแบบผู้ป่วย PUL
8. วางแผนการจัดการฝึกประสบการณ์สมรรถนะวิชาชีพร่วมกับสถานประกอบการ โดยสถานศึกษาและสถานประกอบการจัดให้ผู้เรียนที่ติดเชื้อได้เรียนโดยวิธีการที่เหมาะสม เช่น ใบความรู้ การทำใบกิจกรรม ใบงาน ตามที่สถานประกอบการมอบหมายให้ผู้เรียนเข้าถึงการฝึกอาชีพ/การฝึกประสบการณ์สมรถนะวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครูที่ปรึกษาเป็นผู้ประสาน ติดตาม และรายงานการเรียนให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาและ
สถานประกอบการทราบ
9. หากผู้เรียนหายจากการติดเชื้อ ให้มีการกักตัวอีก 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
โดยสถานศึกษาประสานติดตามผู้เรียนตลอดช่วงเวลาการกักตัว หากครบตามระยะเวลาที่กำหนดไม่พบมีการ
ติดเชื้อให้ผู้เรียนกลับเข้ารับการฝึกอาชีพ/การฝึกประสบการณ์สมรถนะวิชาชีพ ในสถานประกอบการตามปกติหรือสถานศึกษามอบหมายงานในลักษณะชิ้นงาน/โครงงาน แทนการฝึกอาชีพ/การฝึกประสบการณ์สมรถนะวิชาชีพในสถานประกอบการ ที่เหมาะสมให้แก้ผู้เรียน
กรณีที่ 3 พบผู้เรียนติดเชื้อในที่พักอาศัย ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. ผู้เรียนดำเนินการแจ้งสถานศึกษาทราบ
2. ผู้เรียนดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
3. ครูประจำชั้นช่วยประสานสถานพยาบาลเข้ารับการรักษากรณีผู้เรียนไม่สามารถประสานหาสถานพยาบาลเข้ารับการรักษาได้ และติดตาม สอบถามผลการรักษาของผู้เรียนตลอดการรักษาโรค
4. สถานศึกษาตรวจสอบ Time Line การมาเรียนของผู้เรียน เพื่อคัดกรองผู้มีความเสี่ยง
5. ร่วมมือจัดการสอบสวนโรคและการจัดการกลุ่มสัมผัสในสถานศึกษา
1) ผู้สัมผัสกลุ่ม High risk ให้ดำเนินการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นโดย Antigen Test Kit (ATK)
2) ผู้สัมผัสกลุ่ม Low risk ไม่ต้องเก็บตัวอย่าง แต่ให้แยกตัวอยู่ที่บ้าน และรายงานอาการ (Self-report) ทุกวัน หากพบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUL ให้ดำเนินการแบบผู้ป่วย PUL
5. สถานศึกษาปิดเพื่อทำความสะอาดเป็นระยะเวลา 3 วัน (ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ โรงฝึกงาน อาคารเรียน โรงอาหาร โรงนอน พื้นที่ส่วนกลาง) และลดความแออัด เมื่อพบว่าผู้เรียนเข้ามาในพื้นที่สถานศึกษา
7. สถานศึกษาจัดให้ผู้เรียนที่ติดเชื้อได้เรียนโดยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การเรียนแบบออนไลน์
(On-line) การเรียนรู้เพิ่มเติมตามความต้องการของผู้เรียน การศึกษาจากแบบเรียน ใบความรู้ หรือการทำ
ใบกิจกรรม ใบงาน และการบ้านที่ครูมอบหมายให้ผู้เรียนเข้าถึงการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครูที่ปรึกษาเป็นผู้ประสาน ติดตาม และรายงานการเรียนให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาทราบ
8. หากผู้เรียนหายจากการติดเชื้อ ให้มีการกักตัวอีก 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
โดยสถานศึกษาประสานติดตามผู้เรียนตลอดช่วงเวลาการกักตัว หากครบตามระยะเวลาที่กำหนดไม่พบมีการติดเชื้อให้ผู้เรียนกลับเข้าเรียนในสถานศึกษาตามปกติ
กรณีที่ 4 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ประกาศห้ามการใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทเพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่โรค เว้นแต่การใช้เป็นที่เอกเทศตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. สถานศึกษาเตรียมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสม ดังนี้
1) การเรียนแบบออนไลน์ (On-line) เรียนผ่านช่องทางการสอนออนไลน์/สื่อออนไลน์ ทีวีดิจิทัล Video Conference หรือ Platform ต่าง ๆ เช่น Platform DEEP , Zoom , Microsoft Team , Google Meet เป็นต้น โดยสถานศึกษาดำเนินการจัดการเรียนการสอนเอง
2) การเรียนรู้เพิ่มเติมตามความต้องการของผู้เรียน ผู้เรียนสามารถเรียนที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้
ตามที่ต้องการ ในการเลือกหัวข้อ และระยะเวลาได้ด้วยตนเองแบบเฉพาะเจาะจงได้ผ่าน R-Radio Channel หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถานศึกษา
3) การเรียนรูปแบบอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับผู้เรียน
สถานศึกษาสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา โดยการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวต้องสอดคล้องตามแนวทางการจัดการเรียนการสอน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเช่น การจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษาจากแบบเรียน ใบความรู้ หรือการทำใบกิจกรรม ใบงาน และ การบ้านที่ครูมอบหมาย